ลูกพัฒนาการช้า รักษาได้ที่ศูนย์แพทย์เฉพาะทางในเด็ก จ.ชลบุรี

24 กรกฎาคม 2566


ศูนย์แพทยเฉพาะทางในเด็ก จ.ชลบุรี ดูแลสุขภาพลูกอย่างครบวงจร

ปัญหาพัฒนาการในเด็ก ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากลูกน้อยมีพัฒนาการที่ช้าหรือมีความผิดปกติใด ๆ และไม่ได้รับการดูแลอย่างทันท่วงที อาจส่งผลกระทบไปถึงการใช้ชีวิตในอนาคตได้เลยทีเดียว ขอชวนคุณพ่อคุณแม่มารู้จักกับความสำคัญของพัฒนาการในเด็ก พร้อมรู้ทันสัญญาณเตือนที่อาจบ่งบอกถึงความผิดปกติด้านพัฒนาการ และแนะนำแนวทางการรักษาโดยศูนย์แพทย์เฉพาะทางในเด็ก จ.ชลบุรี

ความสำคัญของพัฒนาการในเด็ก

พัฒนาการในเด็ก (Child Development) คือ กระบวนการเปลี่ยนแปลงในด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา เพื่อให้เด็กสามารถทำสิ่งที่ซับซ้อนขึ้นได้ เช่น การเคลื่อนไหว การพูด การควบคุมอารมณ์ และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งเด็กแต่ละคนจะมีอัตราการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับพันธุกรรม สิ่งแวดล้อม และการสนับสนุนจากครอบครัว โดยพัฒนาการในเด็กนั้นจะประกอบไปด้วยส่วนต่าง ๆ ดังนี้ พัฒนาการด้านการเคลื่อนไหว พัฒนาการด้านการเข้าใจและการใช้ภาษา พัฒนาการด้านกล้ามเนื้อและสติปัญญา พัฒนาการด้านการช่วยเหลือตัวเองและการเข้าสังคม

เด็กในวัยไหนที่ควรได้รับการดูแลพัฒนาการเป็นพิเศษ

  • วัยแรกเกิด - 1 ปี : เป็นช่วงที่เด็กจะมีพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อและการรับรู้อย่างรวดเร็ว ผ่านระบบประสาทสัมผัสทั้ง 5 อันได้แก่ ตา หู จมูก ปาก และการสัมผัส ซึ่งในช่วงนี้คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นสังเกตพฤติกรรมของลูกเพื่อตรวจหาความผิดปกติ หากพบว่ามีพัฒนาการในด้านใดบกพร่อง โดยเฉพาะการมองเห็นและการได้ยิน จะช่วยให้สามารถแก้ไขได้ทันท่วงที 
  • วัย 1 - 3 ปีขึ้นไป : ในช่วงนี้เด็กจะเริ่มมีพัฒนาการด้านภาษา เป็นช่วงวัยที่เหมาะสำหรับการส่งเสริมด้านภาษาต่าง ๆ จะช่วยให้เด็กจดจำและเรียนรู้ได้ดีที่สุด 
  • วัย 4 ปีขึ้นไป : เป็นวัยที่เริ่มมีพัฒนาการด้านสติปัญญาอย่างชัดเจน ในช่วงนี้คุณพ่อคุณแม่สามารถส่งเสริมทักษะได้หลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการอ่าน การวาดภาพ หรือการฝึกแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ให้เด็กได้ลองคิดและหาคำตอบต่าง ๆ ด้วยตัวเอง ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสังคมและการพัฒนาด้านอารมณ์ในอนาคต

วิธีส่งเสริมพัฒนาการเด็กในด้านต่าง ๆ

ศูนย์รวมแพทย์เฉพาะทาง จ.ชลบุรี ดูแลสุขภาพเด็กครบวงจร

  • ด้านการเคลื่อนไหว 

ควรกระตุ้นให้ลูกน้อยเคลื่อนไหวด้วยตัวเองให้ได้มากที่สุด ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การเดินด้วยตัวเอง การวิ่ง การกระโดด การเต้นตามจังหวะ รวมถึงการออกกำลังกายแบบง่าย ๆ เช่น วิ่งตามลูกบอล โดยที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำร่วมไปกับลูก ในระหว่างนี้ไม่ควรให้ความช่วยเหลือลูกมากจนเกินไป อย่างการให้ขี่หลัง อุ้ม หรือให้ลูกนั่งรออยู่เฉย ๆ ตลอดเวลา เพราะอาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการและทำให้ลูกไม่อยากเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง 

  • ด้านการเข้าใจและการใช้ภาษา 

การส่งเสริมพัฒนาการในด้านนี้เริ่มจากการที่คุณพ่อคุณแม่ต้องเป็นตัวอย่างในการพูด เพราะเป็นช่วงที่เด็ก ๆ จะเริ่มเรียนรู้และจดจำ รวมถึงการส่งเสริมพัฒนาการผ่านการเล่น เช่น การอ่านนิทาน การร้องเพลง การเล่นเกมทายคำศัพท์ ที่สำคัญคือคุณพ่อคุณแม่ต้องออกเสียงให้ชัดเจนและกระชับ เพื่อช่วยให้ลูกเข้าใจในสิ่งที่จะสื่อสารได้ดีที่สุด

  • ด้านกล้ามเนื้อและสติปัญญา 

การส่งเสริมพัฒนาการในด้านนี้จะเป็นการต่อยอดการเรียนรู้และความคิดสร้างสรรค์หลากหลายด้าน และยังส่งผลต่อการพัฒนาด้านอารมณ์อีกด้วย โดยสามารถพัฒนาได้จากกิจกรรมต่าง ๆ ที่ใช้นิ้วมือเป็นหลัก เช่น การเขียน การวาดรูป การเล่นเกมที่ต้องใช้มือสัมผัส ตลอดจนถึงการใส่รองเท้า ติดกระดุม และการช่วยหยิบจับของเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้แก่คุณพ่อคุณแม่

  • ด้านการช่วยเหลือตนเองและสังคม 

การส่งเสริมพัฒนาการด้านนี้จะช่วยให้เด็ก ๆ สามารถอยู่ร่วมกับบุคคลอื่น ๆ ได้อย่างมีความสุข โดยการให้ลูกได้เข้าสังคม พบปะญาติพี่น้อง หรือทำกิจกรรมกับเด็กคนอื่น ๆ นอกบ้าน จะทำให้ลูกได้เรียนรู้ ปรับตัว และมีความสามารถในการเข้าสังคมมากขึ้นในอนาคต
 

สัญญาณเตือนความผิดปกติทางพัฒนาการ

นอกจากการให้ความสำคัญกับการพัฒนาในด้านต่าง ๆ แล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจไม่แพ้กันก็คือ เรื่องของความผิดปกติด้านพัฒนาการ เพราะอาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการเจริญเติบโตและทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยมี 4 วิธีง่าย ๆ ในการสังเกตดังต่อไปนี้

  • การมองเห็น : หากพบว่าลูกขยี้ตาบ่อยผิดปกติ ดูเหม่อลอย หรือเมื่อทดลองนำสิ่งของมาไว้ตรงหน้าแล้วลูกไม่มองตาม อาจบ่งบอกได้ว่ามีความผิดปกติที่ดวงตาหรือการมองเห็น
  • การได้ยิน : คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตว่า ลูกน้อยหันหน้าไปตามทิศทางของเสียงหรือไม่ หรือมีอาการผิดปกติ เช่น ไม่ตกใจเมื่อมีเสียงดัง ไม่หันเมื่อส่งเสียงเรียก อาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติด้านการได้ยิน หรือมีอาการตอบสนองช้า 
  • การเคลื่อนไหว : สามารถสังเกตได้จากการยืนและเดิน ว่าลูกน้อยสามารถเดินได้ปกติหรือไม่ หากพบว่าลูกเคลื่อนไหวลำบาก ล้มง่าย หรือไม่กระตือรือร้นที่จะขยับตัว ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว 
  • การแสดงออกทางอารมณ์ : พฤติกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาการซนผิดปกติ ไม่สามารถอยู่นิ่งได้นาน ๆ มีอารมณ์ก้าวร้าวรุนแรง หรือในทางกลับกัน อาจไม่ชอบสบตากับใคร และไม่สนใจการทำกิจกรรมใด ๆ เลย อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าลูกมีความผิดปกติด้านพัฒนาการ และต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างทันท่วงที
     

เมื่อลูกมีความผิดปกติทางพัฒนาการ ควรทำอย่างไร

เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณพ่อคุณแม่เริ่มสังเกตได้ว่า ลูกน้อยมีแนวโน้มหรือมีความผิดปกติทางพัฒนาการด้านใดด้านหนึ่ง สิ่งแรกที่ควรทำคือการบำบัดในด้านต่าง ๆ เช่น การทำกิจกรรมร่วมกับลูก หรือการพูดคุยให้มากขึ้น แต่หากอาการเริ่มมีความรุนแรง หรือไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อหาวิธีแก้ไขและรักษาที่เหมาะสม ให้ลูกน้อยเติบโตได้อย่างแข็งแรงสมวัย และสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติในอนาคต

หากพบสัญญาณเตือนใด ๆ ที่อาจบ่งบอกถึงความผิดปกติทางพัฒนาการของลูกน้อย สามารถปรึกษาได้ที่ ศูนย์แพทย์เฉพาะทางในเด็ก โรงพยาบาลสมิติเวช ชลบุรี เราคือศูนย์รวมแพทย์เฉพาะทางที่ครบครันในจ.ชลบุรี ให้บริการตรวจรักษาและดูแลสุขภาพเด็กอย่างครบวงจร โดยกุมารแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน พร้อมให้การดูแลทุกปัญหาของลูกน้อยด้วยเครื่องมือที่ครบครัน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 033-038-888
 


แพ็คเกจที่เกี่ยวข้อง

ดูทั้งหมด

โปรแกรมคลอดบุตร สมิติเวชชลบุรี

ข้อมูลเพิ่มเติม

IV DRIP ดริปวิตามิน

ข้อมูลเพิ่มเติม

โปรแกรมตรวจสุขภาพสำหรับเดินทางต่างประเทศ

ข้อมูลเพิ่มเติม

ตรวจคุณภาพการนอนหลับที่บ้าน (Watch PAT)

ข้อมูลเพิ่มเติม

ตรวจหาเชื้อและภูมิไวรัสตับอักเสบ เอ บี และซี

ข้อมูลเพิ่มเติม

โปรแกรมตรวจสุขภาพ Happy Life Program

ข้อมูลเพิ่มเติม

โปรแกรมตรวจความสมบูรณ์ของทารกในครรภ์

ข้อมูลเพิ่มเติม

ตรวจคุณภาพการนอนหลับที่บ้าน (Watch PAT)

ข้อมูลเพิ่มเติม

ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก

ข้อมูลเพิ่มเติม

ตรวจสุขภาพเด็กอายุ 4 - 6ปี

ข้อมูลเพิ่มเติม

โปรแกรมตรวจสุขภาพก่อนดำน้ำ

ข้อมูลเพิ่มเติม

โปรแกรมครอบฟันน้ำนมเด็ก (วัสดุเชรามิก สีเหมือนฟัน Zirconia)

ข้อมูลเพิ่มเติม

โปรแกรมตรวจสุขภาพสำหรับท่องเที่ยวที่สูง

ข้อมูลเพิ่มเติม

ประเมินความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์โดยนักกิจกรรมบำบัด

ข้อมูลเพิ่มเติม

แพ็กเกจการคลอดแบบพรีเมียม
รพ.สมิติเวชชลบุรี

ข้อมูลเพิ่มเติม

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดูทั้งหมด

เมื่อลูกน้อย...เท้าบิดหมุนเข้าใน

เด็กที่เดินแล้วมีปลายเท้าชี้เข้าหากัน เกิดจากการบิดหมุนของขาตั้งแต่สะโพกลงมา มีลักษณะการเดินผิดปกติและปัญหาเรื่องความสวยงามของขาที่ผิดรูป การตัดรองเท้าอาจพิจารณาในรายที่เป็นมากจนเท้าสะดุดกันเองเวลาวิ่ง เด็กที่มีเท้าบิดหมุนเข้าใน เด็กที่เดินแล้วมีปลายเท้าชี้เข้าหากันเกิดจากการบิดหมุนของขาตั้งแต่สะโพกลงมา แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ต้นขา หน้าแข้ง และเท้า แต่ละส่วนมีแนวทางการตรวจติดตาม และรักษา แตกต่างกันเล็กน้อย การบิดหมุนของส่วนต้นขา พบมากที่สุด ส่วนใหญ่จะหายได้เอง ก่อนอายุ 10 ปี การดัดและการตัดรองเท้า ไม่ช่วยในการหาย พยายามเลี่ยงการนั่งในท่า W แต่ไม่จำเป็นต้องให้นั่งขัดสมาธิ ในเด็กที่ทำไม่ได้ อาจให้นั่งเหยียดขาแทนเวลานั่งพื้น การตัดรองเท้าอาจพิจารณาในรายที่เป็นมากจนเท้าสะดุดกันเองเวลาวิ่ง การผ่าตัดอาจไม่จำเป็นถ้าไม่มีปัญหาในการดำรงชีวิต และหากจะทำควรทำเมื่อเด็กโตมากแล้ว การบิดหมุนของหน้าแข้ง พบได้น้อยเมื่อเทียบกับบริเวณอื่น ส่วนใหญ่จะหายเองก่อนอายุ 4 ปี การรักษาเบื้องต้นเพียงติดตามอาการเท่านั้น การผ่าตัดอาจไม่จำเป็นถ้าไม่มีปัญหาในการดำรงชีวิต และหากจะทำควรทำเมื่อเด็กโตมากแล้ว การบิดหมุนที่เท้า พบได้ค่อนข้างบ่อย สังเกตได้จากเท้าจะโค้งคล้ายกล้วย ถ้าสามารถดัดได้ง่าย โอกาสหายเองสูง ถ้าดัดได้ยากอาจพิจารณาใส่เฝือกหรือตัดรองเท้าช่วย ส่วนใหญ่หายเองก่อน 4 ขวบ ในกรณีที่ยังเป็นจนโต อาจพิจารณาผ่าตัดในรายที่มีปัญหาการใส่รองเท้า และกังวลเรื่องความสวยงาม