การส่องกล้องระบบทางเดินอาหารมีกี่แบบ

27 เมษายน 2565


การส่องกล้องระบบทางเดินอาหารมีกี่แบบ จำเป็นหรือไม่ จำเป็นสำหรับใคร

การส่องกล้องระบบทางเดินอาหารมีหลายแบบ แต่การส่องกล้องที่เราพูดถึงกันบ่อยๆมักมีอยู่ 2 แบบ คือ 1.EGD หรือการส่องกล้องกระเพาะอาหาร 2.Colonoscope หรือการส่องกล้องลำไส้ใหญ่                        บางคนไม่เข้าใจนึกว่าส่องกล้องก็คือส่องทีเดียวจากบนลงล่างซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่ การส่องกระเพาะอาหาร คือการส่องกล้องขนาดเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 1 เซนติเมตรเข้าไปทางปากผ่านกระเพาะอาหารถึงลำไส้เล็กส่วนต้น ส่วนการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ คือการส่องจากทวารหนักหรือว่าก้นเข้าไปถึงบริเวณลำไส้เล็กส่วนปลาย

        วิธีการเตรียมตัวของการส่องกล้องกระเพาะอาหารและการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ก็แตกต่างกัน

                      การส่องกล้องกระเพาะอาหารทำได้ง่าย เพียงแค่งดน้ำงดอาหาร 6-8 ชม ก่อนมาส่องกล้องก็สามารถทำได้ ในขณะที่การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ ต้องมีการเตรียมลำไส้ คือการกินยาถ่ายและถ่ายจนอุจจาระมีลักษณะใสหรือที่เราเรียกกันว่า การล้างลำไส้ นั่นเอง

การส่องกล้องจำเป็นหรือไม่                       ต้องบอกว่าการตรวจร่างกายของแพทย์จากภายนอกโดยการคลำหน้าท้อง ไม่สามารถบอกรายละเอียดต่างๆของการพยาธิสภาพในกระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่ได้ การส่องกล้องกระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่จึงจำเป็นและเป็นตัวช่วยในการวินิจฉัยโรคหรือพยาธิสภาพในกระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่ การส่องกล้องจำเป็นสำหรับใคร การส่องกล้องกระเพาะอาหารจำเป็นสำหรับคนที่มีอาการ 1.ปวดแสบท้องครั้งแรกตอนอายุมากกว่า 50 ปี 2.มีสัญญาณของโรคมะเร็งกระเพาะอาหารเช่น อาการน้ำหนักลด มีถ่ายปนเลือดหรือถ่ายดำ 3.ปวดแสบท้องที่รักษาไม่ดีขึ้นด้วยการใช้ยา 4.ปวดแสบท้องและมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร การส่องกล้องลำไส้ใหญ่จำเป็นสำหรับคนที่มีอาการ 1.ท้องผูกสลับท้องเสีย 2.ถ่ายมีเลือดปนหรือถ่ายมีมูกเลือด 3.ถ่ายเป็นเม็ดเล็กๆเม็ดกระต่ายหรือว่าถ่ายยาก 4.ปวดเบ่งเวลาถ่าย 5.อ่อนเพลีย หรือซีดโดยไม่รู้สาเหตุ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่อายุมาก 6. อาจคลำก้อนได้ในท้อง ดังนั้นหากเรามีอาการผิดปกติข้างต้นควรเข้าพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อปรึกษาถึงเรื่องการส่องกล้องต่อไป นพ.ปารินทร์ ศิริวัฒน์ ศูนย์ระบบทางเดินอาหารและตับ รพ.สมิติเวชชลบุรี

  ► ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ หรือ โทร 096-9173851


นพ.ปารินทร์ ศิริวัฒน์

ความชำนาญ : อายุรศาสตร์

ข้อมูลเพิ่มเติม

แพ็คเกจที่เกี่ยวข้อง

ดูทั้งหมด

โปรแกรมตรวจสุขภาพ Happy Life Program

ข้อมูลเพิ่มเติม

วัคซีน Moderna สำหรับอายุ 12 ปีขึ้นไป

ข้อมูลเพิ่มเติม

โปรแกรมตรวจสุขภาพสำหรับเดินทางต่างประเทศ

ข้อมูลเพิ่มเติม

โปรแกรมตรวจฮอร์โมนเพศหญิงภาวะประจำเดือนมาไม่ปกติ

ข้อมูลเพิ่มเติม

Long Covid (ตรวจสุขภาพหลังป่วยโควิด)

ข้อมูลเพิ่มเติม

โปรแกรมคลอดบุตร สมิติเวชชลบุรี

ข้อมูลเพิ่มเติม

ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก

ข้อมูลเพิ่มเติม

ตรวจหาเชื้อและภูมิไวรัสตับอักเสบ เอ บี และซี

ข้อมูลเพิ่มเติม

ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า 1 ข้าง 225,000 บาท

ข้อมูลเพิ่มเติม

ประเมินความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์โดยนักกิจกรรมบำบัด

ข้อมูลเพิ่มเติม

ตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม
ด้วยเครื่องดิจิทัลแมมโมแกรม
(Digital Mammogram)

ข้อมูลเพิ่มเติม

โปรแกรมศัลยกรรมเพื่อความงาม

ข้อมูลเพิ่มเติม

วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกชนิด 9 สายพันธุ์

ข้อมูลเพิ่มเติม

IV DRIP ดริปวิตามิน

ข้อมูลเพิ่มเติม

โปรแกรมตรวจความสมบูรณ์ของทารกในครรภ์

ข้อมูลเพิ่มเติม

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดูทั้งหมด

เมื่อลูกน้อย...เท้าบิดหมุนเข้าใน

เด็กที่เดินแล้วมีปลายเท้าชี้เข้าหากัน เกิดจากการบิดหมุนของขาตั้งแต่สะโพกลงมา มีลักษณะการเดินผิดปกติและปัญหาเรื่องความสวยงามของขาที่ผิดรูป การตัดรองเท้าอาจพิจารณาในรายที่เป็นมากจนเท้าสะดุดกันเองเวลาวิ่ง เด็กที่มีเท้าบิดหมุนเข้าใน เด็กที่เดินแล้วมีปลายเท้าชี้เข้าหากันเกิดจากการบิดหมุนของขาตั้งแต่สะโพกลงมา แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ต้นขา หน้าแข้ง และเท้า แต่ละส่วนมีแนวทางการตรวจติดตาม และรักษา แตกต่างกันเล็กน้อย การบิดหมุนของส่วนต้นขา พบมากที่สุด ส่วนใหญ่จะหายได้เอง ก่อนอายุ 10 ปี การดัดและการตัดรองเท้า ไม่ช่วยในการหาย พยายามเลี่ยงการนั่งในท่า W แต่ไม่จำเป็นต้องให้นั่งขัดสมาธิ ในเด็กที่ทำไม่ได้ อาจให้นั่งเหยียดขาแทนเวลานั่งพื้น การตัดรองเท้าอาจพิจารณาในรายที่เป็นมากจนเท้าสะดุดกันเองเวลาวิ่ง การผ่าตัดอาจไม่จำเป็นถ้าไม่มีปัญหาในการดำรงชีวิต และหากจะทำควรทำเมื่อเด็กโตมากแล้ว การบิดหมุนของหน้าแข้ง พบได้น้อยเมื่อเทียบกับบริเวณอื่น ส่วนใหญ่จะหายเองก่อนอายุ 4 ปี การรักษาเบื้องต้นเพียงติดตามอาการเท่านั้น การผ่าตัดอาจไม่จำเป็นถ้าไม่มีปัญหาในการดำรงชีวิต และหากจะทำควรทำเมื่อเด็กโตมากแล้ว การบิดหมุนที่เท้า พบได้ค่อนข้างบ่อย สังเกตได้จากเท้าจะโค้งคล้ายกล้วย ถ้าสามารถดัดได้ง่าย โอกาสหายเองสูง ถ้าดัดได้ยากอาจพิจารณาใส่เฝือกหรือตัดรองเท้าช่วย ส่วนใหญ่หายเองก่อน 4 ขวบ ในกรณีที่ยังเป็นจนโต อาจพิจารณาผ่าตัดในรายที่มีปัญหาการใส่รองเท้า และกังวลเรื่องความสวยงาม